วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

นวัตกรรมของ สุขภาพ ความงาม ความร่ำรวย

      เทคโนโลยีใหม่ สเต็มเซลล์แบบผง บรรจุในซอง (DOUBLE Stemcell) จากยุโรปที่ใช้แบบรับประทาน โดยส่งผ่านไปส่วนควบคุมประสาทส่วนต่างๆ ของร่างกาย แล้วที่สำคัญเป็นผลิตภัณท์ที่ชนะการประกวดผลิตภัณท์ดีเด่นในยุโรปปี 2008 สกัดจากธรรมชาติ 100% ของแอปเปิ๊ล บลูเบอร์รี่ อชิเบอร์รี่ และผลแกรป สารสกัดที่ดีที่สุดจาก PhyToCellTec กับการได้รับรางวัลการันตี ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดของนวัตกรรม "ต้านความชรา" กับการต้านความเสื่อมได้ถึงระดับเซลล์ และ DNA เหล่าบรรดาคนดังมากมายทั่วโลก ที่ใช้ผลิตภัณฑ์นี้

    ความสวย ความหล่อ เป็นความต้องการของมนุษย์ทุกคน แต่จากสภาวะสังคมที่เปลี่ยนไป ทำให้เกิดโรคต่างๆ ขึ้นมากมาย รวมไปถึงเกี่ยวกับสุขภาพ ร่างกายที่แก่เกินวัยอันควร สเต็มเซลล์คือเซลล์ต้นกำเนิดที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ ที่มาทดแทนส่วนเซลล์ที่เสียไป ทำให้เซลล์ส่วนนั้นยังมีสภาพคงเดิม ทำให้สภาพร่างกายของคุณไม่เปลี่ยนแปลง การใช้งานสเต็มเซลล์ที่พบทั่วไปคือการทา การฉีดเข้าร่างกายหรือวิธีการอื่นที่ยุ่งยากซับซ้อน แต่วันนี้ความยุ่งยากซับซ้อนจะหมดไป ด้วยนวัตกรรมเจ้าแรกในไทย

สารออกฤทธิ์ PhyToCellTec Malus Domestica ขณะนี้สามารถใช้ได้ทั่วโลก เป็นวัตถุดิบชิ้นแรกบนพื้นฐานเซลล์ต้นกำเนิดพืช หลังจากการเปิดตัว ได้รับความสนใจไปทั่วโลก Double stemcell ได้คัดสรรผลิตภัณฑ์ที่มีงานวิจัยที่สามารถยืนยันได้ว่า ดีต่อการชลอวัยมากที่สุด ด้วยแร่ธาตุเข้มข้นครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ ด้วยผลงานวิจัยและรางวัลระดับโลกที่การันตีว่า "ดีที่สุด" สารออกฤทธิ์ใหม่จาก Apple ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นเซลล์ส่วนสำคัญที่สุดของผิว จนทำให้งานวิจัยนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศ INNOVATION PRIZE ในหมวด BEST ACTIVE INGREDIENT (นวัตกรรมแห่งเครื่องสำอางค์ยุโรป) เมื่อปี 2008 จากสถาบัน EUROPEAN COSMATIC
นี้คือคุณประโยชน์บางส่วนของสินค้า Double Stemcell ที่จะช่วยบำบัดร่างกายคุณ ให้กลับมาเหมือนเดิม




statistics history

วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556

8 ไอเดียอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพ


การทานอาหารกลางวันที่ดีต่อสุขภาพนั้นเป็นเรื่องที่ดีมากต่อระบบย่อยอาหารของเรา เพราะเราจะต้องใช้เวลาอีกครึ่งวันเต็มๆในการสู้กับการเรียนหรืองานต่างๆ มันอาจยากที่จะหาเมนูอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพที่ให้พลังงานและไม่ทำให้ท้องคุณอืดเป็นชั่วโมง เพราะบางทีการที่เราอยู่ที่มหาวิทยาลัยหรือที่ทำงานนั้น ก็ไม่ได้มีเมนูอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพมากมายให้เราเลือกนัก แต่คุณรู้ไหมว่าการสรรหาอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพไม่ยากอย่างที่คิด เคที่ช่วยคุณได้ค่ะ นี่จะเป็น 8  ไอเดีย สำหรับเมนูอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพที่คุณต้องติดใจค่ะ


112
1. อาหารกลางวันเพื่อสุขภาพอย่างผลไม้สด 
เป็นอะไรที่หาทานได้ง่ายๆ มันอาจจะหวานทำลายสุขภาพฟัน แต่ก็ดีกว่าคุณไปกินคุกกี้หรือขามหวานๆแน่ เพราะผลไม้สดมีประโยชน์ในตัวของมันอยู่แล้ว เช่น แอปเปิ้ล องุ่น มะม่วง ลองเลือกผลไม้ที่คุณชอบ ที่สำคัญผลไม้ยังไม่ทำให้คุณอ้วนอีกด้วย                                                                                                                                                                       
2. อาหารกลางวันเพื่อสุขภาพอย่างผักสด
กินผักสดพร้อมผลไม้ เป็นความคิดที่ดีเชียว เพราะมันมีประโยชน์ต่อสุขภาพและร่างกายของคุณอย่างแน่นอน คุณรู้ไหมว่าแค่คุณกินผักเข้าไป แม้บางครั้งอาจจะน้อยนิด แค่เพียง แครอท หรือผักชี มันก็ดีต่อตัวคุณเองไม่น้อยเลยค่ะ
3. อาหารกลางวันเพื่อสุขภาพประเภทเนื้อสัตว์ติดมัน
ใช่  มันอาจจะไม่ได้ดูดีเลยกับการกินไขมัน แต่มันเป็นอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพนะ เพราะอย่าลืมว่าคุณต้องใช้พลังงานอีกตั้งครึ่งวัน แต่ที่แนะนำก็ไม่ได้หมายความว่าให้คุณกินแต่เนื้อสัตว์อย่างเดียว คุณอาจเอามันไปผสมกับสลัดของคุณด้วย เพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบครัน
4. อาหารกลางวันเพื่อสุขภาพประเภทธัญพืช
หากคุณจะกินขนมขบเคี้ยวในช่วงบ่าย เราขอแนะนำของหวานหลังอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพอย่างเมล็ดธัญพืชเลย เพราะมันดีต่อสุขภาพจริง ไม่มีไขมัน จะเป็นธัญพืชอะไรก็ได้ ที่คุณชอบค่ะ
5 . อาหารกลางวันเพื่อสุขภาพแบบถั่วๆ
ถั่วเป็นอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพอีกความคิดที่ดีจริงอะไรจริง ถั่วหนึ่งกำมือให้ไขมันต่ำ และยังไม่สร้างคอเลสเตอรอลให้กับคุณอีกด้วย จึงถือเป็นอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนรักสุขภาพเลยทีเดียว
6 . อาหารกลางวันเพื่อสุขภาพ…พาสต้า
สำหรับคนที่รักการกินอะไรเส้นๆ พาสต้าเป็นอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพที่ดี ใส่น้ำมันมะกอกไปนิด ผักสุกหน่อยๆ ใส่มะเขือเทศลงไป แล้วเอาไปเข้าไมโครเวฟ  ทำง่ายแถมมีประโยชน์ด้วย
7 . อาหารกลางวันเพื่อสุขภาพเช่น นมหรือน้ำ
ทำไมคุณไม่มองข้ามน้ำอัดลมไปซะบ้าง ในมื้อกลางวัน หรือแม้แต่ในขณะที่คุณทำงาน หากคุณกระหายน้ำ เอาแค่น้ำเปล่า หรือนม มาดื่ม มันก็ดับกระหายได้ มีประโยชน์กว่าน้ำอัดลมที่คุณๆดื่มตั้งเยอะ ที่สำคัญนมยังมีประโยชน์ด้วย
8 . อาหารกลางวันเพื่อสุขภาพควรหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป
อาหารแปรรูป เช่น ซุปกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพราะมันมีไขมันและโซเดียมมาก ที่สำคัญมันอาจจะทำให้คุณติดและอยากกินทุกวัน  อย่าลืมว่ามันไม่มีประโยชน์หาอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพอย่างอื่นยังดีกว่านะคะ
อาหารกลางวันเพื่อสุขภาพหาได้ง่ายและทำได้อย่างรวดเร็ว ไม่ยากเกินไปด้วย นี่เป็นอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพที่ดีต่อคุณ หรือหากคุณมีอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพอะไรอื่นแนะนำ ก็มาบอกเล่ากันได้ค่ะ จะถือเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆมากเลย

วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2556

ธัญพืช สำคัญอย่างไร

ธัญพืชชนิดต่างๆ คงเคยผ่านหูผ่านตาท่านผู้อ่านมาบ้างแล้ว แต่เชื่อว่าหลายคนคงมีคำถามอยู่ในใจอย่างเช่น “ธัญพืชที่ควรรับประทานตามแนวทางของ
ชีวจิตมีอะไรบ้าง” “มีวิธีรับประทานอย่างไร” และ “ในเจ้าธัญพืชเม็ดเล็กๆ เหล่านี้มีประโยชน์อะไรซ่อนอยู่” เรามีคำตอบมาฝาก


เริ่มจากบทพิสูจน์ที่ อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง ยืนยันถึงคุณประโยชน์ของธัญพืชว่า
เมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ที่เกิดภาวะขาดแคลนอาหาร เนื้อ นม เนย ไข่ กลายเป็นของหายากและมีราคาแพง ประชาชนส่วนใหญ่จึงต้องรับประทานข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์เป็นหลัก ปรากฏว่าช่วงนั้นชาวยุโรปเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งน้อยมาก
ทั้งนี้เนื่องจากข้าวเมืองหนาวทั้งสองชนิดนี้ มีสารแอนติออกซิแดนต์สูง จึงช่วยป้องกันความเสื่อมและการถูกทำลายของเซลล์ทั่วร่างกาย อันเป็นสาเหตุของมะเร็งได้”
นอกจากข้าวโอ๊ตและข้าวบาร์เลย์ที่จัดเป็นธัญพืชเมืองหนาว หรือข้าวฝรั่ง ตามคำนิยามของอาจารย์สาทิสแล้ว ยังมีข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวฟ่าง ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้เช่นกัน
โดยข้าวสาลีจะมีประโยชน์สูงสุดถ้าไม่ผ่านการขัดขาว จะช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดี โดยเฉพาะถ้าเป็นจมูกข้าวของข้าวสาลีพันธุ์ Wheat จะอุดมไปด้วยวิตามินอี รักษาสิวได้ชะงัด
ส่วนข้าวไรย์ คนไทยอาจไม่คุ้นชื่อนัก ข้าวไรย์เป็นพืชตระกูลข้าวสาลีที่มีประโยชน์สูงไม่แพ้ธัญพืชชนิดอื่น โดยเป็นแหล่งรวมของวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และมีกรดแอมิโนไลซีนสูง ช่วยเสริมระบบการเผาผลาญอาหารและการเติบโตของร่างกาย
สุดท้ายในกลุ่มนี้เป็นข้าวฟ่าง ที่อุดมไปด้วยเส้นใย จึงย่อยง่าย อีกทั้งยังมีสารโปรตีนในปริมาณใกล้เคียงกับถั่วเหลืองมีทั้งธาตุแมกนีเซียม โพแทสเซียม และวิตามินบี 3 สูง
ต่อมาเป็นกลุ่มธัญพืชคุณค่าสูง หากินได้ง่าย แถมราคาเบา นำขบวนมาด้วยข้าวโพด แหล่งคาร์โบไฮเดรตและสรรพคุณทางยา ช่วยบำบัดโรคดีซ่านและตับอักเสบได้
ลูกเดือย ประกอบด้วยวิตามินบี 3 ธาตุแมกนีเซียมและโพแทสเซียม์ ซึ่งช่วยบำรุงระบบการทำงานของประสาท
ลูกบัว เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดีและยังมีสรรพคุณทางยา ช่วยบำรุงหัวใจ ไต และประสาท แถมช่วยบรรเทาอาการท้องร่วงได้ด้วย
ถั่วหลากชนิดที่ชีวจิตแนะนำให้เป็นทางเลือกทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์
งา ธัญพืชสีดำ มีคุณสมบัติช่วยลดความดันโลหิตและความเครียดได้
สำหรับวิธีการบริโภคตามแบบชีวจิตนอกจากจะรับประทานควบคู่กับข้าวกล้องในปริมาณครึ่งหนึ่งของอาหารทั้งหมด ในแต่ละมื้อตามที่อาจารย์สาทิสแนะนำแล้ว เรายังรับประโยชน์จากธัญพืชโดยการดื่มน้ำอาร์ซีได้อีกทางหนึ่งด้วย
เนื่องจากส่วนประกอบหลักของน้ำอาร์ซี คือ ข้าวสาลี ข้าวฟ่าง ข้าวบาร์เลย์ ลูกเดือย ลูกบัว ข้าวกล้อง ข้าวเหนียวกล้อง ข้าวมันปู และข้าวโอ๊ต ซึ่งมีดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอจากธรรมชาติ จึงทำให้ร่างกาย
กระปรี้กระเปร่า ลดอาการอ่อนเพลียได้เป็นปลิดทิ้ง
ทราบข้อมูลดีๆ เช่นนี้แล้ว อย่าลืมเติมประโยชน์ให้ร่างกายด้วยธัญพืชกันนะ

8 วิธีปิดฉากปะทะความเครียด

เกิดอาการหงุดหงิด รำคาญคนใกล้ตัวโดยไร้สาเหตุ อารมณ์เสียทะเลาะกับ
หวานใจบ่อยๆ เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องหากเช็คแล้วดีกรีความสวีทครั้งล่าสุดยัง
อยู่ในเกณฑ์ปกติดีและขณะนั้นไม่มีการแปรปรวนของฮอร์โมนในร่างกายคุณ
อยู่ละก็ขอสันนิษฐานว่าอาการ ดังกล่าวคือสัญญาณของความเครียดที่คุณอาจ
กำลังระบายใส่เขาโดยไม่รู้ตัว

นักจิตวิทยาบอกว่า ความเครียดเกิดจากการที่คนเรามีความสามารถ
ในการปรับตัวและรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆไม่เท่ากัน ต้นตอส่วนมาก
จะมา จากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเราเช่น การเงิน การงาน
ครอบครัว ประกอบเข้ากับวิธีคิดและประเมินสถานการณ์ของแต่ละคนซึ่งจะเป็นตัวบ่งบอกระดับของความเครียดว่ามากหรือน้อยแค่ไหน
เช่น คนมองโลก ในแง่ดีมีแนวโน้มว่าจะเครียดน้อยกว่าคนมองโลก
ในแง่ร้ายส่วนคน ที่มีเพื่อนคอยให้ความช่วยเหลือก็จะเครียดน้อย
กว่าคนที่อยู่โดดเดี่ยวตามลำพัง
 

8 วิธีต่อไปนี้ คือการป้องกันการปะทะอารมณ์เครียด ซึ่งค่อยๆ ฝึกฝนด้วยกันได้
1. อยู่เงียบๆสักพัก คุณอาจนั่งนิ่งๆปล่อยสมองให้ปลอดโปร่งอยู่ตามลำพังก่อนจะกลับบ้านลองใช้
    เวลาสักสิบห้านาทีอยู่เงียบๆ หยิบหนังสือมาอ่าน หรือนั่งฟังเพลงสักพัก เพื่อให้ความเครียด
    ลดระดับลง

2. ถอยหลังหนึ่งก้าว เมื่อความเครียดพร้อมใจเข้ามาหาคุณและเขาในเวลาเดียวกันที่สำคัญการยอม
    เสียสละต้องไม่มีขีดจำกัดไม่มีคำว่าแค่นั้นพอหรือแค่นี้พอแต่ต้องทำด้วยความเต็มใจเพราะคง
    ไม่ดีแน่ หากเขารู้ว่าคุณก็แอบรู้สึกไม่พอใจอยู่ลึกๆ ที่ต้องมานั่งฝืนเอาใจเขา

3. บ่นได้แต่อย่าใช้อารมณ์ การบ่นไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่กลับเป็นโอกาสดีเสียอีกที่คุณได้้ผลัดกันพูด
    และผลัดกันฟัง แต่พึงระวังไว้อย่างหนึ่งคืออย่าถือเอาคำพูดของเขามาเป็นอารมณ์ส่วนตัวอย่าคิดว่า
    เขากำลังโมโหใส่คุณ ทั้งที่ความจริงเขากำลังระบายเรื่องวุ่นๆที่ทำงานอยู่

4. หาสาเหตุของความเครียด พูดคุยกันดีๆ อย่างมีเหตุผล ว่าวันๆ เขาเป็นอย่างไรส่วนคุณเจอเรื่องดี
    เรื่องร้ายอะไรมาบ้าง เล่าให้เขาฟังว่าอะไรคือปัญหาของคุณ และขอให้เขาเล่าให้คุณฟังเช่นเดียวกัน
    วิธีนี้คือการให้กำลังใจด้วยการรับฟังระหว่างนั้นลองนึกดูดีๆ ว่าจะช่วยเขาแก้ปัญหาหรือให้กำลังใจ
    ได้อย่างไร

5. ถามและตอบอย่างตรงไปตรงมา เพราะเขาและคุณอาจต้องการสิ่งที่แตกต่างกันเมื่อเกิด
    ความเครียด การถามกันตรงๆและตอบตามความรู้สึกที่แท้จริงจะทำให้เข้าใจและช่วยกันหาวิธีแก้ไข
    ความเครียดได้ตรงจุดมากขึ้น

6. ฝึกสังเกตอาการเครียด จำไว้ว่าเมื่อเครียดแล้วเขามีอาการอะไรบ้าง (และอย่าลืมบอกให้เขา
    สังเกตคุณด้วย) บางคนเวลาเครียดอาจจะเก็บไว้เงียบๆหรือไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ ส่วนบางคนก็บ่นออก
    มาดังๆ ฉะนั้นคุณต้องเข้าใจว่าเขาอาจแสดงอาการเครียดต่างจากคุณก็ได้ และไม่มีวิธีไหนดีกว่าหรือ
    แย่ไปกว่ากัน

7. รู้จักให้อภัย ความโกรธเล็กน้อยในใจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณไม่มีความสุข จำไว้ว่าการตำหนิว่า
    ใครผิดไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เพราะสุดท้ายก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรู้ว่าเป็นความผิดของใคร
    ควรปล่อยวาง และให้อภัยเสียบ้าง นอกจากนี้คุณอย่าคาดหวังความเพอร์เฟ็คท์จากตัวเขา หรือแม้
    แต่ตัวคุณเอง พวกเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์มักลงเอยด้วยการสร้างความเครียดโดยไม่จำเป็น

8. หาโอกาสดูแลกันและกัน เป็นต้นว่าผลัดกันนวดเบาๆ หรืออาบน้ำอุ่นๆ ด้วยกัน ไปดินเนอร์
    นอกบ้านดูคอนเสิร์ตนักร้องคนโปรด หรือเปลี่ยนบรรยากาศไปพักผ่อนไกลๆ เพื่อเป็นการรีแล็กซ์
    แทนที่จะใช้ชีวิตประจำวันตามแบบเดิมๆ ของคุณ ไม่จำเป็นว่าต้องไปไหนไกลๆ เป็นเวลานานหรือ
    ราคาแพง แค่ไปทะเลหนึ่งคืนก็ช่วยชาร์จพลังและเพิ่มความสดใสให้คุณสองคนได้แล้ว
สำรวจความเครียดของตัวเองวิธีง่ายๆ คือเช็คดูว่าคุณมีอาการต่อไปนี้บ้างไหม
  • จู้จี้ขี้บ่น ชอบชวนทะเลาะ
  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ
  • เป็นหวัดหรือไม่สบายบ่อยๆ
  • ปวดหัว หลัง หรือท้ายทอย
  • ไม่มีสมาธิ หลงลืมง่าย
  • วิตกกังวลจนต้องพึ่งยานอนหลับ
  • เบื่ออาหาร
  • ความสุขทางเพศลดลง
ถ้าพบว่าตรงเกินกว่า 4 ข้อ คุณกำลังเข้าขั้นเครียดในระดับสูง หากไม่รีบจัดการจะนำไปสู่ความเครียด
เรื้อรังหรือเกิดโรคต่างๆ ตามมาได้
 
อาหารบางประเภทยังช่วยคลายเครียดได้
  • ขนมปังโฮลวีท แป้งถั่ว และมันฝรั่ง มีคอมเพล็กซ์คาร์โบไฮเดรตช่วยให้สมองหลั่งสารซีโรโทนิน
    ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยระงับความเครียด
  • แคลเซียมและแมกนีเซียมในผักใบเขียว ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
  • ชาสมุนไพร เช่น คาโมมายล์ มิ้นต์ หรือชาเขียว ช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย
  • การรับประทานอาหารมื้อเล็กๆ ระหว่างวัน เช่น โฮลวีทแครกเกอร์หรือโยเกิร์ตช่วยให้ระดับน้ำตาล
    ในเลือดคงที่

dream weaver tracker

แก้โรคเครียดในที่ทำงาน

หากรู้สึกว่างานที่ทำ กำลังปลุกต่อมเครียดให้ชีวิต เรามีวิธีช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้ง่ายๆ แถมเติมโบนัสทางความคิดและมุมมองดีๆ แบบนี้


  • สูดกลิ่นหอม ลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์จะช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี เวลาเครียดๆ ลองสูดกลิ่นหอมของดอกไม้อย่างกุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์หรือจะหยดน้ำมันหอมระเหยตรงโต๊ะทำงาน เชื่อสิว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นได้อย่างบอกไม่ถูกเลยเชียว
     
  • หนังสือบำบัด หาหนังสือที่อ่านแล้วสบายใจเล่มบางๆ มาไว้ใกล้มือ เครียดเมื่อไร หยิบมาพลิกอ่านสักหน้าสองหน้า แก้เครียดได้ดีเหมือนกัน
     
  • จินตนาการแสนสุข ดึงตัวเองออกจากโลกปัจจุบัน โดยหลับตาแล้วหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ แล้วหยุดไว้สองวินาทีก่อนหายใจออก ทำให้ระบบประสาทสงบลง ทำแบบนี้สัก 5 นาที รับรองว่าจะรู้สึกดีแบบทันตาเห็น จากนั้นก็นึกถึงช่วงเวลาดีๆ ในการทำงาน เช่น วันที่ได้รับคำชมจากเจ้านาย หรืองานชิ้นโบแดงที่คุณทำแล้วรู้สึกภาคภูมิใจ
     
  • ตากอากาศระยะสั้น เมื่อความเครียดรุมเร้าก็ไม่ควรอุดอู้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม ควรหาเวลาหลบไปสูดอากาศบริสุทธิ์ใกล้ๆ ธรรมชาติสักพัก อาจเป็นสวนหย่อมในที่ทำงานหรือคาเฟทีเรียใกล้ๆ จากนั้นเดินผ่อนคลายและหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ปล่อยสมองให้ว่างที่สุด เพราะบางทีความรู้สึกเหนื่อยล้าและหดหู่มันมาจากชีวิตที่ยุ่งเหยิงจนเกินไป
     
  • รู้จัก เมื่อถึงเวลา ในชีวิตการทำงานมักมีหลายเรื่องที่เข้ามากระทบความรู้สึกจนเกิดอารมณ์ แต่แทนที่จะตอบโต้กลับทันทีอย่างขาดสติ จนอาจทำให้ปัญหาลุกลามใหญ่โต การเดินหนีไปก่อน รอให้อารมณ์เย็นลง หรืออยู่กับโต๊ะทำงานตัวเองเงียบๆ จัดข้าวของหรือหาอะไรทำที่ไม่ต้องใช้สมาธิสูงมากลดความเครียดลงได้ จนกว่าคุณพร้อมที่จะกลับมาลุยงานอีกครั้ง
     
  • โทรหาเพื่อนรู้ใจ ระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้ การมีคนรับฟังและให้คำปรึกษาจะทำให้ชีวิตที่ยุ่งเหยิงเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่า คุณไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลก แต่ขอเตือนว่าอย่าเมาท์เพลินจนเสียงานก็แล้วกัน
     
  • อย่าคาดหมายล่วงหน้า การมัวแต่คิดถึงการนัดหมายสำคัญๆ ในวันรุ่งขึ้น จะทำให้เข้านอนพร้อมกับความกังวลและเครียดเพิ่มขึ้นไปอีก ทางที่ดีทำใจให้สบาย ผ่อนคลายให้มากที่สุด บอกตัวเองว่าพักให้เต็มที่ แล้วพรุ่งนี้จะดีเองจากนั้นตั้งนาฬิกาปลุกแต่เช้า เพื่อจะได้เตรียมตัวจนมั่นใจโดยไม่อ่อนเพลีย
  • ทดลองหลับ บางตำรากล่าวไว้ว่า วิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาความเครียดคือ การฝึกจิตง่ายๆครั้งละ 10 - 15 นาที เช้าและเย็น ด้วยการนั่งสบายๆที่โต๊ะทำงานของคุณ หนุนศีรษะบนแขนที่วางไขว้กัน หรือหาที่เหมาะๆ นอนเหยียดยาว หลับตาและปล่อยตัวตามสบายเพื่อผ่อนคลายง่ายๆ ในทางทฤษฎีบอกว่า เมื่อคุณหลับตา จะสามารถตัดข้อมูลต่างๆ ไม่ให้เข้าสู่สมองได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์
     
  • เชื่อในพลังแห่งการสัมผัส ถ้ามีเพื่อนสนิทในที่ทำงานอาจสลับสับเปลี่ยนกันนวดบรรเทาอาการเครียด เพราะการโอบกอดหรือสัมผัสเบาๆเวลารู้สึกเหนื่อยล้าจะทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ชื่อออกซิโทชิน ช่วยลดระดับความเหนื่อยและความเครียด ทำให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
     
  • สร้างอารมณ์ขัน หลังจากทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ลองชวนเพื่อนที่มีอารมณ์ขันคุยเบาๆ จะช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเหี่ยวให้หัวเราะได้อีกครั้ง คนที่หัวเราะง่ายมักมีสุขภาพกายและจิตที่ดี เนื่องจากการหัวเราะจะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นการรักษาสมดุลของระบบประสาททางหนึ่งด้วย
     
  • หามุมสงบ ฟังเพลงเบาๆ โดยเฉพาะเพลงแนว Meditationทั้งเสียงบรรเลงดนตรีและเสียงธรรมชาติ อย่างเสียงคลื่น น้ำตก นกร้องรับรองว่าจะช่วยสร้างสมาธิให้กลับคืนสู่สมองและจิตใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์
     
  • สร้างกำลังใจให้ตัวเอง ความผิดพลาดบางอย่างที่แก้ไขไม่ได้ จำเป็นต้องยอมรับแล้วใช้เป็นบทเรียน แต่จงอย่าให้ความผิดพลาดนั้นกลายเป็นสิ่งที่มากดดันให้คุณเครียดจนเกินไป อย่ามัวคิดถึงสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้วควรเปิดใจให้กว้างและกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลาในการหาทางแก้ไขให้ดีขึ้น
     
  • คิดทางบวก จำไว้ว่าการมองโลกในแง่ดีมีอารมณ์ขัน คิดถึงประสบการณ์ดีๆ ที่ผ่านมาในชีวิตให้บ่อยขึ้น นึกถึงความปรารถนาดีของคนอื่นที่มีต่อคุณ ก็จะช่วยให้เป็นคนที่เครียดน้อยลงและมีความสุขมากขึ้นได้
     

Canon Pixma MP520

สังเกตเหงื่อ สังเกตโรค

     ได้ยินว่าตำแหน่งของการเกิดเหงื่อ กระทั่งปริมาณของเหงื่อที่หลั่งออกมา สามารถบ่งชี้อาการของโรคบางชนิดได้ จึงชวนให้ไปหาคำตอบ ว่าเหงื่อเม็ดเป้งที่ผุดพรายเต็มใบหน้าในขณะนี้ บอกอะไรกับเราได้บ้าง

รู้จักเหงื่อกันดีหรือยัง

       1. เหงื่อที่ผลิตจาก Eccrine Sweat Glands มีลักษณะใสเหมือนน้ำ ไม่มีกลิ่น ร่างกายจะขับเหงื่อชนิดนี้ออกมาเวลาทำกิจกรรมหนักๆ หรืออยู่ในสภาวะอากาศร้อน

       2. เหงื่อที่ผลิตจาก Apocrine Sweat Glands เป็นต่อมเหงื่อที่กระจายตัวอยู่บางตำแหน่งของร่างกาย เช่นรักแร้ขาหนีบทวารหนักหัวหน่าวก้นแผ่นหลังมีส่วนผสมของไขมันและกลิ่นเฉพาะตัวอยู่ด้วย


สังเกตโรคจากเหงื่อ 

       ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ มีอาการเหงื่อซึมทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณฝ่ามือทั้งสองข้างร่วมกับมีอาการหงุดหงิดง่าย มือสั่น ใจสั่น น้ำหนักลด ตาโปน ผมร่วง เหนื่อยง่าย ใจสั่น และหิวน้ำบ่อย

       วัณโรค หากมีเหงื่อออกมากทั่วตัวในเวลากลางคืนสลับกับเป็นไข้ ไอเรื้อรัง รู้สึกเบื่ออาหารและน้ำหนักลด ติดต่อกันอย่างน้อย 2 อาทิตย์ ควรไปพบแพทย์เป็นการด่วน เพราะอาการเหล่านี้เป็นข้อบ่งชี้อย่างหนึ่ง ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นวัณโรค

       เบาหวาน คนที่เป็นเบาหวานและมีอาการแทรกซ้อนของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ จะมีอาการเหงื่อซึมทั่วตัว โดยเฉพาะที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า ซึ่งเกิดจากตับผลิตอินซูลินน้อยเกินไปจนไม่พอดีต่อการใช้งาน ส่งผลให้ร่างกายขับเหงื่อออกมามากกว่าปกติ ทั้งนี้จะมีอาการใจสั่น เหนื่อยหอบและรู้สึกหวิวๆ เหมือนจะเป็นลมร่วมด้วย

       โรคหัวใจ ในกรณีของคนที่มีภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน จะมีอาการเหงื่อออกมาร่วมกับอาการใจสั่น เหนื่อยหอบ ซึ่งเกิดจากการที่หัวใจถูกกระตุ้นให้ส่งสัญญาณความผิดปกติไปที่ระบบประสาทส่วนกลาง

       ภาวะใกล้หมดประจำเดือน เกิดจากการหลั่งฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนน้อยลงกว่าเดิม ทำให้ผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน (วัยทอง) มีอารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ ประจำเดือนมาน้อยหรือมามากกว่าปกติ และมีอาการวูบวาบตามตัว ซึ่งร่างกายจะระบายความร้อนออกมาในรูปของเหงื่อ

       อย่างไรก็ตาม อาการบ่งชี้ข้างต้น อาจต้องมีปัจจัยร่วมอีกหลายประการ ทางที่ดีคือการดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดี ดื่มน้ำวันละ 1 ลิตรเป็นอย่างนั้อย และหมั่นออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเหงื่อของรูขุมขน   ยังเป็นคาถานำพาเราห่างไกลโรคได้เสมอ

      

AmazingCounters.com
Macys Online