วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556

8 ไอเดียอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพ


การทานอาหารกลางวันที่ดีต่อสุขภาพนั้นเป็นเรื่องที่ดีมากต่อระบบย่อยอาหารของเรา เพราะเราจะต้องใช้เวลาอีกครึ่งวันเต็มๆในการสู้กับการเรียนหรืองานต่างๆ มันอาจยากที่จะหาเมนูอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพที่ให้พลังงานและไม่ทำให้ท้องคุณอืดเป็นชั่วโมง เพราะบางทีการที่เราอยู่ที่มหาวิทยาลัยหรือที่ทำงานนั้น ก็ไม่ได้มีเมนูอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพมากมายให้เราเลือกนัก แต่คุณรู้ไหมว่าการสรรหาอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพไม่ยากอย่างที่คิด เคที่ช่วยคุณได้ค่ะ นี่จะเป็น 8  ไอเดีย สำหรับเมนูอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพที่คุณต้องติดใจค่ะ


112
1. อาหารกลางวันเพื่อสุขภาพอย่างผลไม้สด 
เป็นอะไรที่หาทานได้ง่ายๆ มันอาจจะหวานทำลายสุขภาพฟัน แต่ก็ดีกว่าคุณไปกินคุกกี้หรือขามหวานๆแน่ เพราะผลไม้สดมีประโยชน์ในตัวของมันอยู่แล้ว เช่น แอปเปิ้ล องุ่น มะม่วง ลองเลือกผลไม้ที่คุณชอบ ที่สำคัญผลไม้ยังไม่ทำให้คุณอ้วนอีกด้วย                                                                                                                                                                       
2. อาหารกลางวันเพื่อสุขภาพอย่างผักสด
กินผักสดพร้อมผลไม้ เป็นความคิดที่ดีเชียว เพราะมันมีประโยชน์ต่อสุขภาพและร่างกายของคุณอย่างแน่นอน คุณรู้ไหมว่าแค่คุณกินผักเข้าไป แม้บางครั้งอาจจะน้อยนิด แค่เพียง แครอท หรือผักชี มันก็ดีต่อตัวคุณเองไม่น้อยเลยค่ะ
3. อาหารกลางวันเพื่อสุขภาพประเภทเนื้อสัตว์ติดมัน
ใช่  มันอาจจะไม่ได้ดูดีเลยกับการกินไขมัน แต่มันเป็นอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพนะ เพราะอย่าลืมว่าคุณต้องใช้พลังงานอีกตั้งครึ่งวัน แต่ที่แนะนำก็ไม่ได้หมายความว่าให้คุณกินแต่เนื้อสัตว์อย่างเดียว คุณอาจเอามันไปผสมกับสลัดของคุณด้วย เพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบครัน
4. อาหารกลางวันเพื่อสุขภาพประเภทธัญพืช
หากคุณจะกินขนมขบเคี้ยวในช่วงบ่าย เราขอแนะนำของหวานหลังอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพอย่างเมล็ดธัญพืชเลย เพราะมันดีต่อสุขภาพจริง ไม่มีไขมัน จะเป็นธัญพืชอะไรก็ได้ ที่คุณชอบค่ะ
5 . อาหารกลางวันเพื่อสุขภาพแบบถั่วๆ
ถั่วเป็นอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพอีกความคิดที่ดีจริงอะไรจริง ถั่วหนึ่งกำมือให้ไขมันต่ำ และยังไม่สร้างคอเลสเตอรอลให้กับคุณอีกด้วย จึงถือเป็นอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนรักสุขภาพเลยทีเดียว
6 . อาหารกลางวันเพื่อสุขภาพ…พาสต้า
สำหรับคนที่รักการกินอะไรเส้นๆ พาสต้าเป็นอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพที่ดี ใส่น้ำมันมะกอกไปนิด ผักสุกหน่อยๆ ใส่มะเขือเทศลงไป แล้วเอาไปเข้าไมโครเวฟ  ทำง่ายแถมมีประโยชน์ด้วย
7 . อาหารกลางวันเพื่อสุขภาพเช่น นมหรือน้ำ
ทำไมคุณไม่มองข้ามน้ำอัดลมไปซะบ้าง ในมื้อกลางวัน หรือแม้แต่ในขณะที่คุณทำงาน หากคุณกระหายน้ำ เอาแค่น้ำเปล่า หรือนม มาดื่ม มันก็ดับกระหายได้ มีประโยชน์กว่าน้ำอัดลมที่คุณๆดื่มตั้งเยอะ ที่สำคัญนมยังมีประโยชน์ด้วย
8 . อาหารกลางวันเพื่อสุขภาพควรหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป
อาหารแปรรูป เช่น ซุปกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพราะมันมีไขมันและโซเดียมมาก ที่สำคัญมันอาจจะทำให้คุณติดและอยากกินทุกวัน  อย่าลืมว่ามันไม่มีประโยชน์หาอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพอย่างอื่นยังดีกว่านะคะ
อาหารกลางวันเพื่อสุขภาพหาได้ง่ายและทำได้อย่างรวดเร็ว ไม่ยากเกินไปด้วย นี่เป็นอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพที่ดีต่อคุณ หรือหากคุณมีอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพอะไรอื่นแนะนำ ก็มาบอกเล่ากันได้ค่ะ จะถือเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆมากเลย

วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2556

ธัญพืช สำคัญอย่างไร

ธัญพืชชนิดต่างๆ คงเคยผ่านหูผ่านตาท่านผู้อ่านมาบ้างแล้ว แต่เชื่อว่าหลายคนคงมีคำถามอยู่ในใจอย่างเช่น “ธัญพืชที่ควรรับประทานตามแนวทางของ
ชีวจิตมีอะไรบ้าง” “มีวิธีรับประทานอย่างไร” และ “ในเจ้าธัญพืชเม็ดเล็กๆ เหล่านี้มีประโยชน์อะไรซ่อนอยู่” เรามีคำตอบมาฝาก


เริ่มจากบทพิสูจน์ที่ อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง ยืนยันถึงคุณประโยชน์ของธัญพืชว่า
เมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ที่เกิดภาวะขาดแคลนอาหาร เนื้อ นม เนย ไข่ กลายเป็นของหายากและมีราคาแพง ประชาชนส่วนใหญ่จึงต้องรับประทานข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์เป็นหลัก ปรากฏว่าช่วงนั้นชาวยุโรปเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งน้อยมาก
ทั้งนี้เนื่องจากข้าวเมืองหนาวทั้งสองชนิดนี้ มีสารแอนติออกซิแดนต์สูง จึงช่วยป้องกันความเสื่อมและการถูกทำลายของเซลล์ทั่วร่างกาย อันเป็นสาเหตุของมะเร็งได้”
นอกจากข้าวโอ๊ตและข้าวบาร์เลย์ที่จัดเป็นธัญพืชเมืองหนาว หรือข้าวฝรั่ง ตามคำนิยามของอาจารย์สาทิสแล้ว ยังมีข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวฟ่าง ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้เช่นกัน
โดยข้าวสาลีจะมีประโยชน์สูงสุดถ้าไม่ผ่านการขัดขาว จะช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดี โดยเฉพาะถ้าเป็นจมูกข้าวของข้าวสาลีพันธุ์ Wheat จะอุดมไปด้วยวิตามินอี รักษาสิวได้ชะงัด
ส่วนข้าวไรย์ คนไทยอาจไม่คุ้นชื่อนัก ข้าวไรย์เป็นพืชตระกูลข้าวสาลีที่มีประโยชน์สูงไม่แพ้ธัญพืชชนิดอื่น โดยเป็นแหล่งรวมของวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และมีกรดแอมิโนไลซีนสูง ช่วยเสริมระบบการเผาผลาญอาหารและการเติบโตของร่างกาย
สุดท้ายในกลุ่มนี้เป็นข้าวฟ่าง ที่อุดมไปด้วยเส้นใย จึงย่อยง่าย อีกทั้งยังมีสารโปรตีนในปริมาณใกล้เคียงกับถั่วเหลืองมีทั้งธาตุแมกนีเซียม โพแทสเซียม และวิตามินบี 3 สูง
ต่อมาเป็นกลุ่มธัญพืชคุณค่าสูง หากินได้ง่าย แถมราคาเบา นำขบวนมาด้วยข้าวโพด แหล่งคาร์โบไฮเดรตและสรรพคุณทางยา ช่วยบำบัดโรคดีซ่านและตับอักเสบได้
ลูกเดือย ประกอบด้วยวิตามินบี 3 ธาตุแมกนีเซียมและโพแทสเซียม์ ซึ่งช่วยบำรุงระบบการทำงานของประสาท
ลูกบัว เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดีและยังมีสรรพคุณทางยา ช่วยบำรุงหัวใจ ไต และประสาท แถมช่วยบรรเทาอาการท้องร่วงได้ด้วย
ถั่วหลากชนิดที่ชีวจิตแนะนำให้เป็นทางเลือกทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์
งา ธัญพืชสีดำ มีคุณสมบัติช่วยลดความดันโลหิตและความเครียดได้
สำหรับวิธีการบริโภคตามแบบชีวจิตนอกจากจะรับประทานควบคู่กับข้าวกล้องในปริมาณครึ่งหนึ่งของอาหารทั้งหมด ในแต่ละมื้อตามที่อาจารย์สาทิสแนะนำแล้ว เรายังรับประโยชน์จากธัญพืชโดยการดื่มน้ำอาร์ซีได้อีกทางหนึ่งด้วย
เนื่องจากส่วนประกอบหลักของน้ำอาร์ซี คือ ข้าวสาลี ข้าวฟ่าง ข้าวบาร์เลย์ ลูกเดือย ลูกบัว ข้าวกล้อง ข้าวเหนียวกล้อง ข้าวมันปู และข้าวโอ๊ต ซึ่งมีดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอจากธรรมชาติ จึงทำให้ร่างกาย
กระปรี้กระเปร่า ลดอาการอ่อนเพลียได้เป็นปลิดทิ้ง
ทราบข้อมูลดีๆ เช่นนี้แล้ว อย่าลืมเติมประโยชน์ให้ร่างกายด้วยธัญพืชกันนะ

8 วิธีปิดฉากปะทะความเครียด

เกิดอาการหงุดหงิด รำคาญคนใกล้ตัวโดยไร้สาเหตุ อารมณ์เสียทะเลาะกับ
หวานใจบ่อยๆ เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องหากเช็คแล้วดีกรีความสวีทครั้งล่าสุดยัง
อยู่ในเกณฑ์ปกติดีและขณะนั้นไม่มีการแปรปรวนของฮอร์โมนในร่างกายคุณ
อยู่ละก็ขอสันนิษฐานว่าอาการ ดังกล่าวคือสัญญาณของความเครียดที่คุณอาจ
กำลังระบายใส่เขาโดยไม่รู้ตัว

นักจิตวิทยาบอกว่า ความเครียดเกิดจากการที่คนเรามีความสามารถ
ในการปรับตัวและรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆไม่เท่ากัน ต้นตอส่วนมาก
จะมา จากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเราเช่น การเงิน การงาน
ครอบครัว ประกอบเข้ากับวิธีคิดและประเมินสถานการณ์ของแต่ละคนซึ่งจะเป็นตัวบ่งบอกระดับของความเครียดว่ามากหรือน้อยแค่ไหน
เช่น คนมองโลก ในแง่ดีมีแนวโน้มว่าจะเครียดน้อยกว่าคนมองโลก
ในแง่ร้ายส่วนคน ที่มีเพื่อนคอยให้ความช่วยเหลือก็จะเครียดน้อย
กว่าคนที่อยู่โดดเดี่ยวตามลำพัง
 

8 วิธีต่อไปนี้ คือการป้องกันการปะทะอารมณ์เครียด ซึ่งค่อยๆ ฝึกฝนด้วยกันได้
1. อยู่เงียบๆสักพัก คุณอาจนั่งนิ่งๆปล่อยสมองให้ปลอดโปร่งอยู่ตามลำพังก่อนจะกลับบ้านลองใช้
    เวลาสักสิบห้านาทีอยู่เงียบๆ หยิบหนังสือมาอ่าน หรือนั่งฟังเพลงสักพัก เพื่อให้ความเครียด
    ลดระดับลง

2. ถอยหลังหนึ่งก้าว เมื่อความเครียดพร้อมใจเข้ามาหาคุณและเขาในเวลาเดียวกันที่สำคัญการยอม
    เสียสละต้องไม่มีขีดจำกัดไม่มีคำว่าแค่นั้นพอหรือแค่นี้พอแต่ต้องทำด้วยความเต็มใจเพราะคง
    ไม่ดีแน่ หากเขารู้ว่าคุณก็แอบรู้สึกไม่พอใจอยู่ลึกๆ ที่ต้องมานั่งฝืนเอาใจเขา

3. บ่นได้แต่อย่าใช้อารมณ์ การบ่นไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่กลับเป็นโอกาสดีเสียอีกที่คุณได้้ผลัดกันพูด
    และผลัดกันฟัง แต่พึงระวังไว้อย่างหนึ่งคืออย่าถือเอาคำพูดของเขามาเป็นอารมณ์ส่วนตัวอย่าคิดว่า
    เขากำลังโมโหใส่คุณ ทั้งที่ความจริงเขากำลังระบายเรื่องวุ่นๆที่ทำงานอยู่

4. หาสาเหตุของความเครียด พูดคุยกันดีๆ อย่างมีเหตุผล ว่าวันๆ เขาเป็นอย่างไรส่วนคุณเจอเรื่องดี
    เรื่องร้ายอะไรมาบ้าง เล่าให้เขาฟังว่าอะไรคือปัญหาของคุณ และขอให้เขาเล่าให้คุณฟังเช่นเดียวกัน
    วิธีนี้คือการให้กำลังใจด้วยการรับฟังระหว่างนั้นลองนึกดูดีๆ ว่าจะช่วยเขาแก้ปัญหาหรือให้กำลังใจ
    ได้อย่างไร

5. ถามและตอบอย่างตรงไปตรงมา เพราะเขาและคุณอาจต้องการสิ่งที่แตกต่างกันเมื่อเกิด
    ความเครียด การถามกันตรงๆและตอบตามความรู้สึกที่แท้จริงจะทำให้เข้าใจและช่วยกันหาวิธีแก้ไข
    ความเครียดได้ตรงจุดมากขึ้น

6. ฝึกสังเกตอาการเครียด จำไว้ว่าเมื่อเครียดแล้วเขามีอาการอะไรบ้าง (และอย่าลืมบอกให้เขา
    สังเกตคุณด้วย) บางคนเวลาเครียดอาจจะเก็บไว้เงียบๆหรือไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ ส่วนบางคนก็บ่นออก
    มาดังๆ ฉะนั้นคุณต้องเข้าใจว่าเขาอาจแสดงอาการเครียดต่างจากคุณก็ได้ และไม่มีวิธีไหนดีกว่าหรือ
    แย่ไปกว่ากัน

7. รู้จักให้อภัย ความโกรธเล็กน้อยในใจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณไม่มีความสุข จำไว้ว่าการตำหนิว่า
    ใครผิดไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เพราะสุดท้ายก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรู้ว่าเป็นความผิดของใคร
    ควรปล่อยวาง และให้อภัยเสียบ้าง นอกจากนี้คุณอย่าคาดหวังความเพอร์เฟ็คท์จากตัวเขา หรือแม้
    แต่ตัวคุณเอง พวกเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์มักลงเอยด้วยการสร้างความเครียดโดยไม่จำเป็น

8. หาโอกาสดูแลกันและกัน เป็นต้นว่าผลัดกันนวดเบาๆ หรืออาบน้ำอุ่นๆ ด้วยกัน ไปดินเนอร์
    นอกบ้านดูคอนเสิร์ตนักร้องคนโปรด หรือเปลี่ยนบรรยากาศไปพักผ่อนไกลๆ เพื่อเป็นการรีแล็กซ์
    แทนที่จะใช้ชีวิตประจำวันตามแบบเดิมๆ ของคุณ ไม่จำเป็นว่าต้องไปไหนไกลๆ เป็นเวลานานหรือ
    ราคาแพง แค่ไปทะเลหนึ่งคืนก็ช่วยชาร์จพลังและเพิ่มความสดใสให้คุณสองคนได้แล้ว
สำรวจความเครียดของตัวเองวิธีง่ายๆ คือเช็คดูว่าคุณมีอาการต่อไปนี้บ้างไหม
  • จู้จี้ขี้บ่น ชอบชวนทะเลาะ
  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ
  • เป็นหวัดหรือไม่สบายบ่อยๆ
  • ปวดหัว หลัง หรือท้ายทอย
  • ไม่มีสมาธิ หลงลืมง่าย
  • วิตกกังวลจนต้องพึ่งยานอนหลับ
  • เบื่ออาหาร
  • ความสุขทางเพศลดลง
ถ้าพบว่าตรงเกินกว่า 4 ข้อ คุณกำลังเข้าขั้นเครียดในระดับสูง หากไม่รีบจัดการจะนำไปสู่ความเครียด
เรื้อรังหรือเกิดโรคต่างๆ ตามมาได้
 
อาหารบางประเภทยังช่วยคลายเครียดได้
  • ขนมปังโฮลวีท แป้งถั่ว และมันฝรั่ง มีคอมเพล็กซ์คาร์โบไฮเดรตช่วยให้สมองหลั่งสารซีโรโทนิน
    ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยระงับความเครียด
  • แคลเซียมและแมกนีเซียมในผักใบเขียว ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
  • ชาสมุนไพร เช่น คาโมมายล์ มิ้นต์ หรือชาเขียว ช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย
  • การรับประทานอาหารมื้อเล็กๆ ระหว่างวัน เช่น โฮลวีทแครกเกอร์หรือโยเกิร์ตช่วยให้ระดับน้ำตาล
    ในเลือดคงที่

dream weaver tracker

แก้โรคเครียดในที่ทำงาน

หากรู้สึกว่างานที่ทำ กำลังปลุกต่อมเครียดให้ชีวิต เรามีวิธีช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้ง่ายๆ แถมเติมโบนัสทางความคิดและมุมมองดีๆ แบบนี้


  • สูดกลิ่นหอม ลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์จะช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี เวลาเครียดๆ ลองสูดกลิ่นหอมของดอกไม้อย่างกุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์หรือจะหยดน้ำมันหอมระเหยตรงโต๊ะทำงาน เชื่อสิว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นได้อย่างบอกไม่ถูกเลยเชียว
     
  • หนังสือบำบัด หาหนังสือที่อ่านแล้วสบายใจเล่มบางๆ มาไว้ใกล้มือ เครียดเมื่อไร หยิบมาพลิกอ่านสักหน้าสองหน้า แก้เครียดได้ดีเหมือนกัน
     
  • จินตนาการแสนสุข ดึงตัวเองออกจากโลกปัจจุบัน โดยหลับตาแล้วหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ แล้วหยุดไว้สองวินาทีก่อนหายใจออก ทำให้ระบบประสาทสงบลง ทำแบบนี้สัก 5 นาที รับรองว่าจะรู้สึกดีแบบทันตาเห็น จากนั้นก็นึกถึงช่วงเวลาดีๆ ในการทำงาน เช่น วันที่ได้รับคำชมจากเจ้านาย หรืองานชิ้นโบแดงที่คุณทำแล้วรู้สึกภาคภูมิใจ
     
  • ตากอากาศระยะสั้น เมื่อความเครียดรุมเร้าก็ไม่ควรอุดอู้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม ควรหาเวลาหลบไปสูดอากาศบริสุทธิ์ใกล้ๆ ธรรมชาติสักพัก อาจเป็นสวนหย่อมในที่ทำงานหรือคาเฟทีเรียใกล้ๆ จากนั้นเดินผ่อนคลายและหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ปล่อยสมองให้ว่างที่สุด เพราะบางทีความรู้สึกเหนื่อยล้าและหดหู่มันมาจากชีวิตที่ยุ่งเหยิงจนเกินไป
     
  • รู้จัก เมื่อถึงเวลา ในชีวิตการทำงานมักมีหลายเรื่องที่เข้ามากระทบความรู้สึกจนเกิดอารมณ์ แต่แทนที่จะตอบโต้กลับทันทีอย่างขาดสติ จนอาจทำให้ปัญหาลุกลามใหญ่โต การเดินหนีไปก่อน รอให้อารมณ์เย็นลง หรืออยู่กับโต๊ะทำงานตัวเองเงียบๆ จัดข้าวของหรือหาอะไรทำที่ไม่ต้องใช้สมาธิสูงมากลดความเครียดลงได้ จนกว่าคุณพร้อมที่จะกลับมาลุยงานอีกครั้ง
     
  • โทรหาเพื่อนรู้ใจ ระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้ การมีคนรับฟังและให้คำปรึกษาจะทำให้ชีวิตที่ยุ่งเหยิงเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่า คุณไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลก แต่ขอเตือนว่าอย่าเมาท์เพลินจนเสียงานก็แล้วกัน
     
  • อย่าคาดหมายล่วงหน้า การมัวแต่คิดถึงการนัดหมายสำคัญๆ ในวันรุ่งขึ้น จะทำให้เข้านอนพร้อมกับความกังวลและเครียดเพิ่มขึ้นไปอีก ทางที่ดีทำใจให้สบาย ผ่อนคลายให้มากที่สุด บอกตัวเองว่าพักให้เต็มที่ แล้วพรุ่งนี้จะดีเองจากนั้นตั้งนาฬิกาปลุกแต่เช้า เพื่อจะได้เตรียมตัวจนมั่นใจโดยไม่อ่อนเพลีย
  • ทดลองหลับ บางตำรากล่าวไว้ว่า วิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาความเครียดคือ การฝึกจิตง่ายๆครั้งละ 10 - 15 นาที เช้าและเย็น ด้วยการนั่งสบายๆที่โต๊ะทำงานของคุณ หนุนศีรษะบนแขนที่วางไขว้กัน หรือหาที่เหมาะๆ นอนเหยียดยาว หลับตาและปล่อยตัวตามสบายเพื่อผ่อนคลายง่ายๆ ในทางทฤษฎีบอกว่า เมื่อคุณหลับตา จะสามารถตัดข้อมูลต่างๆ ไม่ให้เข้าสู่สมองได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์
     
  • เชื่อในพลังแห่งการสัมผัส ถ้ามีเพื่อนสนิทในที่ทำงานอาจสลับสับเปลี่ยนกันนวดบรรเทาอาการเครียด เพราะการโอบกอดหรือสัมผัสเบาๆเวลารู้สึกเหนื่อยล้าจะทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ชื่อออกซิโทชิน ช่วยลดระดับความเหนื่อยและความเครียด ทำให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
     
  • สร้างอารมณ์ขัน หลังจากทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ลองชวนเพื่อนที่มีอารมณ์ขันคุยเบาๆ จะช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเหี่ยวให้หัวเราะได้อีกครั้ง คนที่หัวเราะง่ายมักมีสุขภาพกายและจิตที่ดี เนื่องจากการหัวเราะจะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นการรักษาสมดุลของระบบประสาททางหนึ่งด้วย
     
  • หามุมสงบ ฟังเพลงเบาๆ โดยเฉพาะเพลงแนว Meditationทั้งเสียงบรรเลงดนตรีและเสียงธรรมชาติ อย่างเสียงคลื่น น้ำตก นกร้องรับรองว่าจะช่วยสร้างสมาธิให้กลับคืนสู่สมองและจิตใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์
     
  • สร้างกำลังใจให้ตัวเอง ความผิดพลาดบางอย่างที่แก้ไขไม่ได้ จำเป็นต้องยอมรับแล้วใช้เป็นบทเรียน แต่จงอย่าให้ความผิดพลาดนั้นกลายเป็นสิ่งที่มากดดันให้คุณเครียดจนเกินไป อย่ามัวคิดถึงสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้วควรเปิดใจให้กว้างและกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลาในการหาทางแก้ไขให้ดีขึ้น
     
  • คิดทางบวก จำไว้ว่าการมองโลกในแง่ดีมีอารมณ์ขัน คิดถึงประสบการณ์ดีๆ ที่ผ่านมาในชีวิตให้บ่อยขึ้น นึกถึงความปรารถนาดีของคนอื่นที่มีต่อคุณ ก็จะช่วยให้เป็นคนที่เครียดน้อยลงและมีความสุขมากขึ้นได้
     

Canon Pixma MP520

สังเกตเหงื่อ สังเกตโรค

     ได้ยินว่าตำแหน่งของการเกิดเหงื่อ กระทั่งปริมาณของเหงื่อที่หลั่งออกมา สามารถบ่งชี้อาการของโรคบางชนิดได้ จึงชวนให้ไปหาคำตอบ ว่าเหงื่อเม็ดเป้งที่ผุดพรายเต็มใบหน้าในขณะนี้ บอกอะไรกับเราได้บ้าง

รู้จักเหงื่อกันดีหรือยัง

       1. เหงื่อที่ผลิตจาก Eccrine Sweat Glands มีลักษณะใสเหมือนน้ำ ไม่มีกลิ่น ร่างกายจะขับเหงื่อชนิดนี้ออกมาเวลาทำกิจกรรมหนักๆ หรืออยู่ในสภาวะอากาศร้อน

       2. เหงื่อที่ผลิตจาก Apocrine Sweat Glands เป็นต่อมเหงื่อที่กระจายตัวอยู่บางตำแหน่งของร่างกาย เช่นรักแร้ขาหนีบทวารหนักหัวหน่าวก้นแผ่นหลังมีส่วนผสมของไขมันและกลิ่นเฉพาะตัวอยู่ด้วย


สังเกตโรคจากเหงื่อ 

       ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ มีอาการเหงื่อซึมทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณฝ่ามือทั้งสองข้างร่วมกับมีอาการหงุดหงิดง่าย มือสั่น ใจสั่น น้ำหนักลด ตาโปน ผมร่วง เหนื่อยง่าย ใจสั่น และหิวน้ำบ่อย

       วัณโรค หากมีเหงื่อออกมากทั่วตัวในเวลากลางคืนสลับกับเป็นไข้ ไอเรื้อรัง รู้สึกเบื่ออาหารและน้ำหนักลด ติดต่อกันอย่างน้อย 2 อาทิตย์ ควรไปพบแพทย์เป็นการด่วน เพราะอาการเหล่านี้เป็นข้อบ่งชี้อย่างหนึ่ง ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นวัณโรค

       เบาหวาน คนที่เป็นเบาหวานและมีอาการแทรกซ้อนของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ จะมีอาการเหงื่อซึมทั่วตัว โดยเฉพาะที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า ซึ่งเกิดจากตับผลิตอินซูลินน้อยเกินไปจนไม่พอดีต่อการใช้งาน ส่งผลให้ร่างกายขับเหงื่อออกมามากกว่าปกติ ทั้งนี้จะมีอาการใจสั่น เหนื่อยหอบและรู้สึกหวิวๆ เหมือนจะเป็นลมร่วมด้วย

       โรคหัวใจ ในกรณีของคนที่มีภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน จะมีอาการเหงื่อออกมาร่วมกับอาการใจสั่น เหนื่อยหอบ ซึ่งเกิดจากการที่หัวใจถูกกระตุ้นให้ส่งสัญญาณความผิดปกติไปที่ระบบประสาทส่วนกลาง

       ภาวะใกล้หมดประจำเดือน เกิดจากการหลั่งฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนน้อยลงกว่าเดิม ทำให้ผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน (วัยทอง) มีอารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ ประจำเดือนมาน้อยหรือมามากกว่าปกติ และมีอาการวูบวาบตามตัว ซึ่งร่างกายจะระบายความร้อนออกมาในรูปของเหงื่อ

       อย่างไรก็ตาม อาการบ่งชี้ข้างต้น อาจต้องมีปัจจัยร่วมอีกหลายประการ ทางที่ดีคือการดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดี ดื่มน้ำวันละ 1 ลิตรเป็นอย่างนั้อย และหมั่นออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเหงื่อของรูขุมขน   ยังเป็นคาถานำพาเราห่างไกลโรคได้เสมอ

      

AmazingCounters.com
Macys Online